วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2552

คลินิกคณิตศาสตร์ (Maths Clinic)

คลินิกคณิตศาสตร์ (Maths Clinic)


  • ทำไมคนไทยส่วนหนึ่งไม่ชอบคณิตศาสตร์?
  • ทำไมการสอนคณิตศาสตร์จึงนำไปสู่การใช้ประโยชน์จริงได้น้อยในเมืองไทย?
  • มีอะไรขาดหายไปในกระบวนการสอนคณิตศาสตร์หรือเปล่า ขาดที่มา และขาดที่ไป หรือไม่?
  • ทำไมนักเรียน นักศึกษา ถึงพบปัญหาการเรียนคณิตศาสตร์ทั่วประเทศ?
  • ถึงเวลาที่จะค้นหาคำตอบเหล่านี้เพื่อดึงศักยภาพทางคณิตศาสตร์ในตัวเราเองออกมาแล้วหรือยัง?
  • ตรวจเช็คหรือยกเครื่องคณิตศาสตร์ได้ด้วยตัวเราเองหากค้นพบสาเหตุที่แท้จริง



  • ในความเป็นจริงๆ แล้วคณิตศาสตร์ไม่ได้โดดเดี่ยวจากวิชาอื่นๆ อย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ ว่าเรียนไปทำไม เรียนแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไร จะว่าไปก็เหมือนกับการที่เราไม่รู้ คุณประโยชน์ของพืช แล้วเรียกพืชเหล่านั้นว่าวัชพืชนั่นเอง ทั้งๆที่พืชแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณเป็นของตัวเอง นั่นคือหากเราไม่ทราบว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์อะไรจึงเป็นการยากที่ อยากจะเรียนหากไม่มีปัจจัยอื่นมาบีบบังคับให้ต้องเรียนรู้ แต่หากเมื่อทราบว่าป่วยเป็นอะไรและต้องการสมุนไพรอะไรมารักษา แม้ว่าจะหายากลำบากแค่ไหนก็พยายามหาจนได้ คณิตศาสตร์ก็เช่นเดียวกัน การจะบอกว่าเรียนไปทำไมก็เพราะว่าเรายังรู้ไม่เพียงพอที่จะบอกว่าแท้ที่จริง แล้วประโยชน์ในการนำไปใช้นั้นมีอะไรบ้าง

    จากภาพด้านบนนั้นผมเอามาฝากไว้เพื่อให้เราทุกคนลองทบทวนดูนะครับ ว่า ตัวคณิตศาสตร์ไม่ได้อยู่โดดเดี่ยว ซึ่งการสอนคณิตศาสตร์ของเราไม่ว่าจะเป็นมาในอดีตหรือปัจจุบัน ตลอดจนอนาคต ส่วนหนึ่งเราสอนหรือเรียนรู้กันในกล่องสีแดง นั่นคือ เรามาเริ่มกันที่ว่า โจทย์ข้อนี้เราจะแก้กันอย่างไร ซึ่งจะเป็นแบบนี้ส่วนใหญ่ นั่นคือเมื่อครูให้โจทย์มา เราจะทราบว่าโจทย์นี้จะใช้วิธีการอย่างไรแล้วแก้โจทย์จนได้คำตอบออกมาแล้วก็ ขีดเส้นใต้ส่งครูกันแค่นั้น ซึ่งโจทย์ลักษณะนี้ขอให้ทราบไว้ว่า ก่อนจะมาเป็นโจทย์นั้น มีที่มาอย่างไร แล้วเมื่อแก้โจทย์แล้วได้คำตอบแล้ว คำตอบนั้นเอาไปอธิบายหรือทำอย่างไรต่อไป ดังนั้นเมื่อผู้เรียนพบโจทย์ก็ขอให้รู้ว่าโจทย์ตัวอย่างนี้มีที่มาอย่างไร ตรงกับการอธิบายในธรรมชาติ ของพฤติกรรมของอะไรบ้าง หรือปรากฏการณ์อะไร ซึ่งโจทย์เหล่านั้นอาจจะอยู่ในรูปสมการในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสมการเชิงเส้น เอกโพเนนเชียล ลอการิทึม ตรีโกณมิติ สมการเชิงอนุพันธ์ สมการเชิงปริพันธ์ หรือว่าระบบสมการเชิงเส้น หรืออื่นๆ เมื่อทราบว่า โจทย์แต่ละข้อมีที่มาก็จะทราบว่าการแก้โจทย์เหล่านี้จะแก้ปัญหาอะไร ในส่วนนี้ทำได้ทั้งสองส่วนคือผู้สอน แนะนำเบื้องต้นให้ทราบที่มาว่า การแก้โจทย์เหล่านี้ โจทย์เหล่านี้มีที่มาอย่างไร แล้วได้คำตอบแล้วคำตอบอธิบายอะไรในแต่ละบริบท ในขณะเดียวกันผู้เรียนเมื่อได้รับโจทย์ก็ ควรจะเข้าใจเช่นกันว่า โจทย์นี้มีที่มา มันน่าจะอธิบายปัญหาอะไรในธรรมชาติ แล้วเมื่อแก้สมการแล้วได้คำตอบ คำตอบนี้เราจะอธิบายให้คนทั่วไปเข้าใจอย่างไร

    การเรียนคณิตศาสตร์จึงจำเป็นต้องเห็นภาพรวมทั้งหมดตั้งแต่เห็น ธรรมชาติ ตลอดจนแปลงปัญหาในธรรมชาติให้เป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์ แล้วแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์เพื่อให้ได้คำตอบ เมื่อได้คำตอบก็อธิบายคำตอบในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าใจ มีการตรวจสอบคำตอบจากสมการที่มีว่าถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องแล้วก็ต้องทบทวนอีกครั้ง หากคำตอบ ใช้ได้จริงแล้วก็นำไปสู่การใช้งานต่อไป ดังนั้นเมื่อเราพบโจทย์ในวิชาคณิตศาสตร์ที่ขึ้นว่า จงหานั่น จงหานี่ ก็ขอให้ทราบว่า เรากำลังทำกระบวนการข้อที่ 4 อยู่ในกระดานดำข้างบนนั่นเอง จะทำให้วิชาคณิตศาสตร์ไม่หลุดโลกโดดเดี่ยวและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง

    ดังนั้นต่อไปนี้การเรียนวิชาคณิตศาสตร์ จำเป็นต้องบูรณาการร่วมเข้ากับวิชาอื่นๆ มันเริ่มที่ใจของเราเป็นจุดแรกที่จะเปิดรับวิชานี้ให้เห็นว่ามีอยู่ใน ธรรมชาติจริง เมื่อเห็นโจทย์ผมจึงบอกผู้เรียนรู้ ว่า


    มองให้ออก บอกให้ได้ ใช้ให้เป็น เห็นความจริง


    จะเห็นว่าหลายๆ หลักสูตรในปัจจุบันได้มีการตัดวิชาคณิตศาสตร์ออกไปด้วยความไม่รู้หรือด้วย ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนสร้างหลักสูตรก็ไม่แน่ใจครับ แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีการทบทวนไม่อย่างนั้น อนาคตข้างหน้าประเทศไทยอาจจะวิกฤตได้ไม่ทางตรงก็ทางอ้อมครับ จริงๆ แล้วคนเขียนหลักสูตรควรจะลงไปสอนวิชาต่างๆ นั้นดูเพื่อจะได้รู้ว่าควรจะวางแนวทางอย่างไร ให้สอดรับกับ กระบวนการจริงๆ และตอบโจทย์ความต้องการของสังคมและประเทศชาติจริงๆ จึงมาจบกับคำถามสุดท้ายว่า เราจะมีการศึกษาในหลักสูตรนั้นเพื่ออะไร?

    การอนุรักษ์สมุนไพรไทยจึงไม่เกิดหากคนไทยไม่ทราบว่าสมุนไพรนั้นมี สรรพคุณประโยชน์อะไร และถึงแม้ว่าเราจะทราบว่าสมุนไพรนั้นมีประโยชน์อะไร แต่หากเราปล่อยปละละเลยในคุณประโยชน์ สิ่งนั้นก็อาจจะหายไปได้ ในขณะเดียวกันวิชาคณิตศาสตร์ก็จะไร้ค่าเช่นกัน หากเรามองไม่เห็นว่ามัน มีที่มา ที่อยู่ และที่ไปอย่างไร ก็ยากที่จะเข้าถึงได้ แต่หากเราทบทวนตัวเราเองแล้วค้นหาจุดบอดของเราเอง เราก็จะพบว่าสิ่งเหล่านี้แก้ไขได้แล้วจุดประกายให้มีศักยภาพได้เช่นกัน มันอยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ อยู่ที่ว่าเราจะละเลยหรืออยู่ร่วมกันมันอย่างเห็นใจกัน สิ่งที่ผมพูดมานี่ไม่ได้หมายความว่าผมเก่งคณิตศาสตร์ แต่จะบอกว่าคนเราชอบไม่เหมือนกัน แต่ สิ่งที่ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษไม่ได้หมายความว่าเราเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นไม่ได้ ดีนี่ครับ.....

    ด้วยเหตุที่กล่าวมาแล้วนี้จึงอยากให้เราทบทวนเพื่อทำความเข้าใจกับ คณิตศาสตร์เพื่อการเรียนรู้ต่อยอดต่อไปที่ถูกต้องและนำไปสู่การประยุกต์ใช้ งานคณิตศาสตร์ได้อย่างมีคุณค่า หากมีปัญหาที่พวกเราและทีมงานพอจะช่วยได้ ถามได้เมื่อเจอครับ เจอกันที่คลินิกคณิตศาสตร์ครับ คลินิกคณิตศาสตร์อยู่ที่ใด ไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลนะครับ แต่อยู่ที่ใจของเรานี่ละครับ ว่าจะกล้าถามคุณหมอในตัวเราและคนรอบข้างที่เราอยากจะถามคณิตศาสตร์เหล่านั้น ครับ ดังนั้นทุกคนจะเป็นหมอไปด้วยในตัวในสิ่งที่เรารู้เพื่อนำไปสู่การปูพื้นฐาน ที่สำคัญต่อไป เมื่อเรามีปัญหาเราถามคนที่รู้ในด้านนั้นเราก็จะเข้าใจและเป็นหมอให้คนอื่นๆ ต่อไปเช่นกัน

    สุดท้ายจะฝากไว้ว่า หนึ่งปัญหาอาจจะทำให้เกิดหลายๆ สมการ หนึ่งสมการคณิตศาสตร์อาจจะมาจากหลากหลายปัญหา และหนึ่งปัญหาก็อาจจะมีได้หลายเส้นทางสู่คำตอบ การเปิดอิสระสู่เส้นทางการเรียนรู้ผู้เรียนจำเป็นต้องค้นหาวิธีการเรียน ให้ตรงกับจริตของตนเอง

    ด้วยมิตรภาพครับ

    สมพร ช่วยอารีย์